วันอังคารที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2554

ITE 628: การจัดการความรู้ - บทที่ 2 การจัดการความรู้กับการพัฒนาสมรรถนะขององค์กร (ตอนที่ 1)

ในปัจจุบัน แนวโน้มของเศรษฐกิจและสังคมโลก กำลังเข้าสู่ สังคมเศรษฐกิจฐานความรู้ นั่นคือ ปัจจัยที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหรือการผลิตต่างๆ จะอยู่บนพื้นฐานของ "ข้อมูลและความรู้" เป็นสำคัญ

นี่เป็นสาเหตุให้องค์กรต่างๆ ต้องมีการปรับตัวเพื่อให้เกิดการอยู่รอดและดำเนินต่อไปได้อย่างประสบความสำเร็จ

สิ่งที่องค์กรจำเป็นจะต้องมีคือ ความพร้อมในการแข่งขัน

ซึ่งหมายถึง ความสามารถในการปรับตัวให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น มีการตั้งรับและรุกเชิงกลยุทธ์ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็วโดยอ้างอิงจากสารสนเทศที่มีความเป็นปัจจุบัน ภายใต้สภาวะความกดดันและความแข่งขันที่นับวันจะรุนแรงมากยิ่งขึ้น

องค์กรที่ต้องการเป็นเลิศควรจะต้องทำสิ่งต่อไปนี้
  1. รู้จักตัวเอง โดยการประเมินจุดอ่อนและจุดแข็งขององค์กรอย่างถูกต้อง และซื่อสัตย์ และจะต้องรู้จักองค์กรของตนเป็นอย่างดีว่า มีการเมืองภายในเป็นอย่างไร เครือข่ายหรือความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลต่างๆ ในองค์กรกับภายนอกนั้นเป็นอย่างไร รวมไปถึงกฎ ระเบียบต่างๆ วัฒนธรรมองค์กร ว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลต่อการดำเนินการอย่างไรบ้าง
  2. กล้าที่จะริเริ่ม และเป็นผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง อาจจะเริ่มจากจุดจุดหนึ่งก่อนแล้วค่อยขยายไปทั่วทั้งองค์กร
  3. มีการมอบอำนาจให้กับผู้นำ และช่วยเหลืออย่างจริงใจ (กระจายอำนาจออกไป ให้อำนาจการตัดสินใจ)
  4. ต้องรู้จักปรับตัวภายใต้สภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป
  5. มีการสร้างแรงบันดาลใจร่วมกัน และสร้างบรรยากาศแห่ง Teamwork และความร่วมมือร่วมใจกันระหว่างพนักงาน (รักษาคนข้างใน)
  6. รู้จักการรักษาความพึงพอใจของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย คือ ผู้ถือหุ้น ลูกค้า และประชาชน (รักษาคนข้างนอก)
ปัจจัยหลักที่ส่งผลให้องค์กรประสบความสำเร็จระยะยาว (สิ่งที่ทำให้องค์กรอยู่รอดได้อย่างประสบความสำเร็จ โดยวัดจาก TRS: Total Return to Shareholder)
  1. มีกลยุทธ์ที่ชัดเจน คือ การมีเป้าหมายที่ต้องการไปให้ถึงที่ชัดเจน โดยตั้งวิสัยทัศน์บนสารสนเทศที่เป็นปัจจุบัน
  2. ผลักดันให้เกิดการดำเนินการ โดยต้องมีการสื่อสารกับพนักงานให้ชัดเจนและให้เห็นถึงความสำคัญของกลยุทธ์ร่วมกัน
  3. สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เน้นผลการปฏิบัติงาน โดยมีตัวชี้วัดที่มีประสิทธิภาพ
  4. ปรับโครงสร้างองค์กรให้เร็วและไม่ซับซ้อน ปีเตอร์ ดรักเกอร์เปรียบเทียบว่า องค์กรสมัยใหม่ควรมีลักษณะเหมือนกับ "วงออเครสตร้า"ที่แผ่กระจายออกด้านข้าง ให้ลดขั้นตอนการบังคับบัญชาและเน้นการกระจายและมอบอำนาจ เพื่อให้ง่ายต่อการปรับเปลี่ยนแผนภายใต้สภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
  5. รู้จักจัดลำดับความสำคัญของบุคลากรในองค์กร บุคคลที่ควรรักษาและพัฒนามากที่สุดคือ กลุ่มที่ทดแทนยากและมีคุณค่ามาก เป็นกลุ่มคนที่ผลิตสินค้าและบริการโดยอาศัยความรู้ เช่น นักขายอาชีพ นักวิจัยที่มีความสามารถและ ผู้จัดการโครงการ (เป็นเรื่องของต้นทุนและการผลิตต่อหน่วย)
  6. มีผู้นำที่มุ่งมั่นต่อการดำเนินธุรกิจให้สำเร็จ โดยต้องเป็นผู้นำทางความคิด สร้างความเปลี่ยนแปลง จาก "หนอนเป็นผีเสื้อ" เป็นผู้นำที่รู้จักใช้ประโยชน์จากสารสนเทศและความรู้ในองค์กรมาใช้สร้างศักยภาพในการแข่งขันและคาดหมายการเปลี่ยนแปลงล่วงหน้าได้
  7. สร้างนวัตกรรม สำหรับสินค้าและบริการ นวัตกรรมสูงหรือที่เลียนแบบได้ยาก ก็จะทำให้สินค้าหรือบริการนั้นอยู่ในตลาดได้นานขึ้น รวมทั้งองค์กรเอง ก็ต้องมีพลวัตสูง ยืดหยุ่นและสามารถปรับเปลี่ยนได้เร็ว
  8. มีการควบรวมหรือพันธมิตรธุรกิจ เป็นการนำเอาทรัพยากรมารวมกันเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการผลิตสูงสุด รวมไปถึง เพิ่มศักยภาพในการตอบสนองต่อตลาดและผู้บริโภคได้มากขึ้น และเป็นการลดคู่แข่งไปในตัว สิ่งสำคัญที่เน้นคือ การพัฒนาความชำนาญหลัก (Core competencies) โดยต้องเรียนรู้ที่จะประสานทักษะความชำนาญในการผลิต และผนึกความชำนาญด้านเทคโนโลยีให้เป็นหนึ่งเดียว ประโยชน์ของการควบรวมกันนั้น ยังรวมไปถึงเรื่อง การลดต้นทุน และความประหยัดต่อขนาดการผลิต ลดความรุนแรงในการแข่งขัน ลดความชำนาญของคู่แข่ง สามารถเจาะตลาดที่ไม่เคยเข้าถึงมาก่อนได้ เข้าถึงแหล่งวัตถุดิบได้เพิ่มขึ้น และมีการแลกเปลี่ยนสิทธิบัตร และผนึกพลังด้านเทคโนโลยีอื่นๆ ทำให้สามารถเอาชนะอุปสรรคทางการค้าได้ร่วมกัน

1 ความคิดเห็น:

KssForex กล่าวว่า...

วันนี้มาอ่านบทความนี้อีกครั้งเพราะจะเขียนต่อ ก็บังเอิญปิ๊งความคิดนึงขึ้นมา
สรุปว่าถ้าจะมองให้ง่ายขึ้น ปัจจัยที่จะทำให้องค์กรไปรอดและเติบโตได้ในปัจจุบันนี้คือ
1. ปัจจัยภายใน คือ การรู้เรา รู้จักบริษัทของตัวเองอย่างละเอียดถี่ถ้วนในทุกๆด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจุดอ่อนและจุดแข็ง รวมไปถึงความสามารถในการปรับตัว ปรับวิธีการทำงานโดยยังคงรักษาเป้าหมายเอาไว้ได้ สิ่งสำคัญที่ต้องรักษาและลงทุนคือ แรงงานความรู้ ซึ่งจะเป็นทรัพย์สินที่สร้างนวัตกรรมใหม่ๆให้เกิดขึ้นได้เสมอๆ
2. ปัจจัยภายนอก คือ สภาพแวดล้อมในด้านต่างๆ ที่มีผลกระทบต่อการดำเนินงาน เช่น เศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมัน นโยบายด้านการเงิน การคลัง พ.ร.บต่างๆ



3. การหาพันธมิตรเพื่อสร้างความได้เปรียบทางด้านการแข่งขันและลดจำนวนคู่แข่ง

แสดงความคิดเห็น